Page 117 - 031
P. 117
102
้
3.4 การวิเคราะหขอมูล
์
์
ิ
ผู้วิจัยได้ด าเนนการวิเคราะหข้อมูล ตามขั้นตอน ดังน้ ี
ิ
ี
์
ขั้นท 1 การวิเคราะหข้อมูลจากแบบวัดกระบวนการบรหารของโรงเรยน
ี่
ิ
ิ
ี่
เอกชนสอนศาสนาอสลามในจังหวัดยะลา โดยมสถตทใช้วัด ดังน้ ี
ิ
ี
์
1) การวิเคราะหข้อมูลตอนท 1 สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามโดยใช้
ี่
ู
สถตค่ารอยละ (%) ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอรส าเรจรป
ิ
์
็
้
ิ
ิ
2) การวิเคราะหข้อมูลตอนท 2 โดยใช้สถตค่าเฉลยเลขคณต (X ) และค่า
์
ี่
ี่
ิ
ิ
ู
เบยงเบนมาตรฐาน (S.D) ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอรส าเรจรป
็
ี่
์
ี่
์
ขั้นท 2 การวิเคราะหข้อมูลเปรยบเทยบความแตกต่างของกระบวนการบรหารงาน
ี
ิ
ี
ู
็
ี
ิ
ของโรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลามในจังหวัดยะลา ตามความคดเหนของครทมประสบการณ ์
ิ
ี
ี่
ิ
วุฒการศกษา เพศ และขนาดสถานศกษาแตกต่างกัน จากแบบวัดกระบวนการบรหารของผู้บรหาร
ึ
ิ
ิ
ึ
ิ
ี
ิ
ี
ตามทัศนะของครโรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลามจังหวัดยะลา โดยมสถตทใช้วิเคราะหคอค่า
ื
ู
ี่
์
ิ
็
ี
t-test และค่า F-test (One way ANOVA) โดยทดสอบความแตกต่างเปนรายค่ด้วยวิธการของ
ู
ิ
ิ
Scheffe ก าหนดระดับนัยส าคัญทางสถต ระดับ 0.05
ิ
ขั้นท 3 การวิเคราะหผลการศกษาแนวทางการพัฒนากระบวนการบรหารของ
์
ี่
ึ
ื
์
ี่
ิ
ี
ี
ิ
ผู้บรหารโรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลาม ได้ใช้วิธการวิเคราะหเน้อหาทได้จากการสัมภาษณ ์
ิ
ี
ิ
ผู้บรหารโรงเรยนเอกชน โดยได้ด าเนนการคัดเลอกผู้บรหารโรงเรยนเอกชนสอนอสลามจังหวัด
ี
ิ
ิ
ื
ยะลาขนาดละ 2 คน แล้วน าผลจากการสัมภาษณมาวิเคราะหเน้อหาเปนแนวทางการพัฒนา
์
็
์
ื
ิ
กระบวนการบรหารของผู้บรหารโรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลาม
ิ
ิ
ี
ี่
ขั้นท 4 สถตทใช้ในการวิเคราะหข้อมูล
ิ
์
ี่
ิ
ี่
้
1) ค่าความถและค่ารอยละ (Percentage) น าข้อมูลจากแบบวัด
ี่
้
ิ
ิ
กระบวนการบรหารของผู้บรหาร ตอนท 1 มาแจกแจงความถ และวิเคราะหค่ารอยละ
์
ี่
ิ
ี่
2) ค่าเฉลยเลขคณต (Arithmetic Mean) น าข้อมูลจากแบบวัด
ิ
ิ
กระบวนการบรหารของผู้บรหาร ตอนท 2 มาแจกแจงความถหาค่าเฉลยเลขคณต (X ) หาค่าตัว
ี่
ี่
ิ
ี่
กลาง
ิ
ี่
3) ค่าเบยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) น าค่าเฉลยเลขคณต (X )
ี่
ู
แต่ละข้อมาวัดการกระจายของคะแนน แนวโน้มเข้าส่ส่วนกลางโดยหาค่าเบยงเบนมาตรฐานของแต่
ี่
ละข้อ
ี
4) F-test ใช้ในการเปรยบเทยบความแตกต่างของกล่มตัวอย่างทมากกว่า
ี
ี่
ุ