Page 130 - 022
P. 130
130
็
ื
็
ั
ในตัวนางก็โยนเส้อผ้าของเขาให้แก่นางอันเปนสัญลักษณว่าเขาปรารถนาจะรบนางเปนภรรยา
์
ิ
ี
ต่อไปโดยไม่ต้องมค่าสนสอดใหม่ แต่ถ้าหากเขาไม่ประสงค์ในตัวนางก็จะมอบนางให้แต่งกับคนใด
ึ
คนหนงในบรรดาพี่น้องของเขาโดยการตั้งค่าสนสอดใหม่ (Al-Alusi, n.d.: 2/52) และค่าสนสอด
่
ิ
ิ
ุ
ี
ี
ิ
ิ
ิ
็
็
ี่
ใหม่นั้นเปนกรรมสทธ์ของบตรชายคนโตของอดตสามของนางในฐานะทเปนผู้สละสทธ์ ิในตัวนาง
่
ี
ุ
ิ
็
ุ
ิ
ิ
ิ
ิ
ฺ
ั
ึ
อมามฏอบารย์รายงานจากอบน ญรอยญ์ ซงรบมาจากอกรมะฮ์เล่าว่านางกุบัยชะฮ์ บนต์ มะอน์ อบน ุ
ิ
ี
้
ี
์
ี
ื
ุ
ี
ิ
ิ
อาศม เข้าไปฟองท่านนบ ว่าสามของนางคออบู ก็อยส อบน อัลอัสลัต ได้เสยชวิตไปแล้ว และ
้
ี
็
ู
ลกชายของเขาปรารถนาจะเอานางมาเปนภรรยาต่อไป นางได้กล่าวต่อท่านนบ ว่า “ โอนบ ี
่
้
ของอลลอฮ ดฉนไมใชเปนผูรบมรดกจากสามของดฉน และดฉนก็ไมใชมรดกทจะยกใหแตงกับ
่
่
็
้
ั
ี
ิ
ั
ั
ั
ิ
ิ
ี่
่
ั
ฺ
่
ใครก็ได” จนกระทั่งอัลกุรอานถกประทานลงมาห้ามการสบทอดมรดกความเปนภรรยาไว้ว่า
็
ื
ู
้
...
ิ
ั
ี่
ิ
้
้
่
้
ความว่า “ ผูศรทธาทงหลาย ไมอนุมัตแกพวกเจาการทพวกเจาจะเอาบรรดาหญงเปนมรดก
่
็
ั้
้
ดวยการบังคบ...” (Al-Nisa’ 4: 19) (Al-Tabari, 2001: 6/523)
ั
ื่
ื
ิ
ี
ึ
่
ส าหรบสนสอดหรอมะฮัร ( ) นั้นเปนเงอนไขหนงของการแต่งงานในยุคญาฮลยะฮ์ แต่
็
ิ
ั
ี
ุ
ิ
อย่างไรก็ตามประเพณปฏบัตเกี่ยวกับสนสอดนั้นมความแตกต่างกันในแต่ละเผ่าพันธ บางเผ่าพันธ ์ ุ
ี
ิ
ิ
์
สนสอดเปนกรรมสทธ์ ิของเจ้าสาว ในขณะทบางเผ่าพันธเปนกรรมสทธ์ ิของผู้ปกครองของเจ้าสาว
ุ
็
ิ
์
ี่
็
ิ
ิ
(‘Ali, 1993: 5/530-532) ทรพย์ทเปนสนสอดทผู้ปกครองของเจ้าสาวรบจากเจ้าบ่าวนั้นเรยกว่า อัล
ี่
ิ
ั
ั
ี่
็
ี
ั
ุ
ิ
นาฟญะฮ์ ( ) ด้วยเหตน้มการกล่าวกันว่าเมอครอบครวใดให้ก าเนดลกสาว เพื่อนบ้านจะมา
ื่
ิ
ี
ู
ี
แสดงความยินดโดยกล่าวว่า “ ” หรอ “ ” หมายถงขอให้
ี
ึ
ื
ื่
ฺ
ู
พระองค์อัลลอฮทรงให้ความจ าเรญในทรพย์ทเพิ่มทวีมากข้นอันเนองจากสนสอดของลกสาว (Al-
ิ
ี่
ึ
ั
ิ
Zabidi, 1969: 6/246)
ั
ึ
งานแต่งงานจะจัดข้นทบ้านของเจ้าสาวและเปนประเพณของชาวอาหรบญาฮลยะฮ์หลังจาก
ี่
ี
็
ี
ิ
ี
็
เข้าพิธแต่งงานแล้วเจ้าบ่าวจะต้องอยู่บ้านของเจ้าสาวเปนเวลาสามวัน (Ibn Sa‘d, 1990: 1/76) ในงาน
ี
แต่งงานจะมบรรดานักรองมาบรรเลงเพลงและบรรดาทาสหญงออกมาร่ายราตกลองให้ความ
ิ
้
ี
ื่
ิ
บันเทงรนเรงในงานด้วย (Savaş, 1991: 37)
ิ
2) การหยาราง
่
้
ิ
ั
ิ
การหย่าในความหมายของชาวอาหรบยุคญาฮลยะฮ์หมายถง การสละสทธทั้งหมดของชาย
ี
ิ
ึ
ิ
ี
ึ
้
่
คนหนงทมต่อภรรยาของตนเองพรอมกับแยกนางออกไป (‘Ali, 1993: 5/549) โดยปกตแล้วการหย่า
ี่
ิ
ิ
ิ
ี
็
่
ี่
ื่
ในยุคญาฮลยะฮ์เปนสทธอันเด็ดขาดของฝายชายซงสามารถทจะหย่าภรรยาเมอไรก็ได้ แต่อย่างไรก็
่
ึ