Page 68 - 0006
P. 68
59
(2) อาจส่งผลท าให้ผู้มีการหลีกเลี่ยงจะจ่ายซะกาตเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีภาระทาง
ภาษีและการจ่ายซะกาตที่เพิ่มมากขึ้น
(3) ภาครัฐและภาคเอกชนอาจมีการต่อต้านหรือไม่เห็นด้วยกับระบบดังกล่าว และ
ี
อาจท าให้ไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอในการประเมินภาษและซะกาตได้
(4) อาจเกิดความไม่เหมาะสมกับประเทศที่ยังไม่ได้ใชบังคบกฎหมายชารีอะห์กับ
ั
้
้
มุสลิมในประเทศ ในการปรับใช้เข้ากับกฎหมายภายในประเทศนั้น รวมทั้งอาจเกิดความไม่เขาใจใน
การบังคับใช้ระบบซะกาต จนอาจท าให้เกิดการคลาดเคลื่อนหรือเบี่ยงเบนต่อหลักการศาสนาอิสลาม
ได้
ส าหรับระบบสมัครใจนั้นจากการศึกษาวิจัยพบว่ามีจุดเด่นดังนี้
(1) ท าให้สามารถจูงใจผู้มีหน้าที่จ่ายซะกาตได้เพิ่มมากขึ้น
(2) ท าให้การต่อต้านหรือการไม่เห็นด้วยในการจัดตั้งองค์กรจัดเก็บซะกาตลดน้อยลง
(3) ภาครัฐสามารถให้การส่งเสริมและสนับสนุนในการจัดตั้งองคกรเกี่ยวกับการ
์
จัดการซะกาตเลยได้โดยไม่จ าต้องมีภาระเพิ่มมากในการปรับระบบภาษีหรือระบบกฎหมาย
(4) เป็นระบบที่เปิดโอกาสให้สังคมมุสลิมบริหารจัดการเกี่ยวกับซะกาตและการ
ิ
ช่วยเหลือคนยากจนหรือผู้มีสิทธได้รับซะกาตในท้องถิ่นนั้นได้ด้วยตนเอง โดยรัฐบาลเพียงแค่ผู้ส่งเสริม
และให้การสนับสนุนเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม ระบบการจัดเก็บซะกาตแบบสมัครใจนี้จะมีจุดด้อยดังนี้
(1) การจัดเก็บซะกาตอาจท าได้ไม่ทั่วถึงหรืออาจท าให้ผู้มีหน้าที่จ่ายซะกาตไม่เขาสู่
้
ระบบการจัดเก็บเกาจได้ทั้งหม
(2) อาจท าให้มีการจัดตั้งองค์กรจัดเก็บซะกาตไม่ครอบคลุมทั้งประเทศ
(3) ไม่มีหน่วยงานของรัฐที่ท าหน้าที่เกี่ยวกับซะกาตโดยตรง
(4) ไม่มีบทก าหนดโทษส าหรับผู้ซึ่งหลีกเลี่ยงการจ่ายซะกาตหรือจ่ายซะกาตไม่
ครบถ้วนตามที่มีหน้าที่
2.6.1 การบริหารจัดการชะกาตในสิงคโปร์
ในสิงคโปร์ มาตรา 68-70 แห่งพระราชบัญญัติบริหารกฎหมายมุสลิม (พ.ศ. 2548) เกี่ยวกับ
การบริหารจัดการซะกาต โดยมอบหมายงานให้กับคณะกรรมการอิสลามกลางแห่งประเทศสิงคโปร์
หรือ Majlis Ugama Islam Singapura (MUIS) มาตรา 68 โดยบังคับให้ชาวมุสลิมทุกคนในสิงคโปร์
้
จ่ายเงินซะกาตเขากองทุนซะกาตตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ พร้อมให้อ านาจแก่
คณะกรรมการอิสลามกลางแห่งออกกฎระเบียบและควบคุมเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการบริหารการ
่
จัดเก็บและการแจกจ่ายซะกาต ออกกฎระเบียบเพื่อก าหนดชวงระยะเวลาในการจ่ายซะกาตและ
วิธีการจัดเก็บซะกาตของชาวมุสลิมทุกคนในสิงคโปร์