Page 68 - 067
P. 68

54






                       4.6 กลุ่มจุลินทรีย์หลักในระหว่างการด้าเนินงานกระบวนการย่อยสลายร่วมไร้อากาศสองขั้นตอน
                              กลุ่มจุลินทรีย์หลักในระหว่างการด้าเนินงานกระบวนการย่อยสลายร่วมไร้อากาศสองขั้นตอน
                       โดยป้อน POME ผสมสาหร่ายพุงชะโดร้อยละ 5 (VS Basis) เข้าถังปฏิกรณ์ CSTR ที่ HRT 7 วัน และ
                       ป้อนน้้าหมักจากขั้นตอนแรกเข้าถุงปฏิกรณ์ PFR  ที่ HRT  52.5  วัน ได้ถูกตรวจวิเคราะห์ด้วยวิธี

                       Denatruing  gradient  gel  electrophoresis  (DGGE)  วิธีการตรวจวิเคราะห์นี้สามารถให้ข้อมูล
                       โครงสร้างกลุ่มจุลินทรีย์ในกลุ่มจุลินทรีย์ผสม (Mixed cultures) และสามารถทราบข้อมูลเชิงปริมาณ
                       ของกลุ่มเชื้อแต่ละชนิดจาก DNA  band  intensities  (Stamper  et  al.,  2003) ผลการวิเคราะห์
                       โครงสร้างกลุ่มจุลินทรีย์และชนิดของจุลินทรีย์หลักที่ถูกตรวจพบในถังปฏิกรณ์ CSTR และ PFR ของ

                                                                                   ี่
                       ขั้นตอนการผลิตไฮโดรเจนและมีเทนตามล้าดับ (ภาพที่ 4.12 และตารางท 4.8)
                              กลุ่มจุลินทรีย์ที่เด่นในขั้นตอนการผลิตไฮโดรเจนได้แก่ Clostridium sp., Enterobacter  sp.,
                       Weissella sp., Leuconostoc sp. และ Lactobacillus sp. การตรวจพบ Clostridium sp. เป็นการ
                       ยืนยันการผลิตไฮโดรเจนได้ เนื่องแบคทีเรียทั้งสองกลุ่มนี้สามารถเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นกรดอะซิ

                       ติก/บิวทิริกควบคู่กับแก๊สไฮโดรเจนในกระบวนการหมักไร้อากาศในสภาวะเทอร์โมฟลิกได้ดี
                                                                                                   ิ
                       (Jariyaboon  et  al.,  2015)  ส่วน  Enterobacter  sp.  ซึ่งเป็น Facultative  anaerobes  จึง
                       สามารถก้าจัดออกซิเจนส่วนเกินและช่วยเสริมสร้างสภาวะไร้อากาศและสามารถผลิตไฮโดรเจนได้

                       จากคาร์โบไฮเดรต (Hung  et  al.,  2011) นอกจากนี้ยังพบจุลินทรีย์ในกลุ่ม Weissella  sp.,
                       Leuconostoc sp. และ Lactobacillus sp. เป็นกลุ่มที่ผลิตกรดแลคติกและยังมีฤทธ์ในการต่อต้าน
                       การเจริญของเชื้อในกลุ่ม Clostridium  sp. ได้ ซึ่งหากมีจุลินทรียในกลุ่มนี้มากอาจท้าให้ผลผลิตของ
                       แก๊สไฮโดรเจนเกิดน้อยลงได้ (Adams  and  Nicolaides,  1997) ซึ่งยืนยันได้จากการสะสมของกรด
                       แลคติกในน้้าหมักในขั้นตอนการผลิตไฮโดรเจน

                              การผลิตแก๊สมีเทนจากกระบวนการป้อนต่อเนื่องด้วยกระบวนการย่อยสลายแบบไร้อากาศ
                           ั้
                       สองขนตอนพบว่ามีกลุ่มเชื้อต่าง ๆ ที่ตรวจวิเคราะห์ด้วยวิธี DGGE (ภาพที่ 4.12) ซึ่งพบกลุ่มจุลินทรีย
                       ทีย์แบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลัก (ภาพที่ 4.12 และตารางที่ 4.6)  ได้แก่แบคทีเรีย Pusillimonas  sp.,

                       Acinetobacter  sp.,  Proteiniphilum  sp.,  Pedobacter  sp.,  Thiobacillus  sp.,
                       Anaerobaculum  sp.,  Thermocrispum  sp.  และ Paenibacillus  sp. ที่ท้าหน้าที่เปลี่ยนกรด
                       ระเหยง่ายทุกชนิดให้เป็นอะซิติกและกลุ่มที่สามารถผลิตไฮโดรเจนให้เกิดขึ้น (Khemkhao  et  al.
                       2012) และอาเคียร์เป็นกลุ่มที่ท้าหน้าที่เปลี่ยนอะซิติกเป็นมีเทนและคาร์บอนไดออกไซน์ โดยบาง

                       ชนิดสามารถใช้ไฮโดรเจนและคาร์บอนไดออกไซน์ให้ผลผลิตเป้นมีเทนได้อีกด้วย โดยพบว่ากลุ่ม
                       อาเคียร์ที่โดดเด่นของการทดลองนี้คือ Methanocorpusculum  sp.,  Methanothrix  sp.  และ
                       Methanoregula  sp. ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรหลักที่มีความส้าคัญต่อประสิทธิภาพในการผลิตแก๊ส
                       มีเทน (Poh and Chong, 2010)
   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73