Page 53 - 067
P. 53
39
ุ
จากผลการทดลองผลผลิตมีเทนที่ได้จากการหมักร่วมกันของ POME และสาหร่ายพงชะโดที่
อัตราส่วนของ C/N 27.7 ให้ผลผลิตมีเทน 360.7 ml-CH /g-VS ที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการหมัก
4
ั
ร่วมกันของ Chicken manure and corn stover (ตารางที่ 4.3) ที่มีอตราส่วนของ C/N ใกล้เคียง
ิ่
กัน ทั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าผลที่ได้มาจากการหมักแบบสองขั้นตอน ที่สามารถเพมประสิทธิภาพในการ
ย่อยสลายทางชีวภาพได้ดีกว่าแบบขั้นตอนเดียว เนื่องจากการหมักสองขั้นตอน ระบบจะอยู่ในสภาวะ
ื่
เหมาะสมส้าหรับจุลินทรีย์ในการเจริญเติบโตเพอผลิตกรดในขั้นตอนแรก และผลิตแก๊สมีเทนใน
ขั้นตอนหลัง ทั้งสองสภาวะที่มีความแตกต่างกัน ท้าให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ของสภาวะนั้น ๆ ได้
อย่างเต็มที่ เป็นผลท้าให้ผลผลิตของมีเทนที่ได้สูงกว่า แต่อย่างไรก็ตามผลจากการหมักจาก Taihu
blue algae ที่มีอัตราส่วน C/N ต่้ามาก 5.64 แต่สามารถให้ผลผลิตที่สูงกว่าการหมักสาหร่ายพงชะโด
ุ
ี
เพยงอย่างเดียว ที่อตราส่วน C/N 17 ซึ่งสูงกว่า แต่ให้ผลผลิตน้อยกว่า ทั้งนี้แสดงให้เห็นถึง
ั
ี
องค์ประกอบที่ส้าคัญนอกจากธาตุอาหารหลัก C/N แล้วก็ยังมีธาตุอาหารอน ๆ ที่ส้าคัญอกเช่น
ื่
ฟอสฟอรัส โพแทซเซียม เป็นต้น สัดส่วนของหัวเชื้อกับซับสเตรต และชนิดของจุลินทรีย์ก็ยังเป็นอก
ี
ปัจจัยส้าหรับการเกิดผลผลิตแก๊สมีเทนอกด้วย ดังจะสังเกตได้จากผลผลิตไฮโดรเจนจากกระบวนการ
ี
หมักร่วมกันของ POME และสาหร่ายไฟจากการทดลองที่ช่วงร้อยละ 90-40 ของ POME พบว่าเกิด
ั
ปฏิสัมพนธ์เชิงบวก (Synergism) จากตารางที่ 4.4 ในระบบโดยผลผลิตไฮโดรเจนที่ได้จากการหมัก
ุ
ร่วมกันให้ผลผลิตที่สูงกว่าการหมักแบบการหมักด้วยซับสเตรตที่เป็น POME หรือสาหร่ายพงชะโด
เพียงอย่างเดียว ในทางตรงกันข้ามผลจากการหมักร่วมกันบางอตราส่วนของสารตั้งต้นผสมให้ผลผลิต
ั
ั
ี
น้อยกว่าแบบการหมักสารตั้งต้นเพยงอย่างเดียวคือให้ผลในทางลบ (Antagonism) ที่อตราส่วนของ
การหมักร่วมกันที่ร้อยละ 30-10 ของ POME ให้ผลในทางตรงกันข้าม โดยผลผลิตไฮโดรเจนที่ได้จะ
ุ
ั
น้อยกว่าผลผลิตไฮโดรเจนที่ควรได้จากการหมักร่วมกันของ POME และสาหร่ายพงชะโดที่อตราส่วน
ี
นี้ โดยผลผลิตไฮโดรเจนที่ควรจะได้คิดได้จากการรวมกันของผลผลิตไฮโดรเจนที่เกิดจากการหมักเพยง
อย่างเดียวของ POME และสาหร่ายพุงชะโด ตามอัตราส่วนนั้น ๆ
ผลิตไฮโดรเจนและมีเทนจากกระบวนการย่อยสลายร่วมแบบไร้อากาศสองขั้นตอนของ
POME และสาหร่ายพงชะโดที่อตราส่วนผสมต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวข้างต้นแล้ว ถึงแม้ว่าพลังงานรวมที่
ุ
ั
ุ
ผลิตได้จากการย่อยสลายร่วมระหว่าง POME และสาหร่ายพงชะโดไม่ได้สูงกว่าการย่อยสลาย POME
เพียงอย่างเดียว แต่การย่อยสลายร่วมกับมีแนวโน้มที่สามารถผลิตไฮโดรเจนได้สูงกว่า การย่อยสลาย
ิ
POME อย่างเดียว ซึ่งถ้าพจารณาในรูปของคุณภาพพลังงานจะได้พลังงานที่มีคุณภาพดีกว่า (ไบโอ
ุ
ไฮเทนมีสัดส่วนของไฮโดรเจนมากกว่า) สาหร่ายพงชะโดเป็นพรรณไม้ใต้น้้าที่ย่อยสลายทางชีวภาพได้
ยากกว่าเมื่อเทียบกับ POME ดังนั้นการบ้าบัดขั้นต้น (Pretreatment) ของสาหร่ายพงชะโดก่อน
ุ
น้าไปใช้เป็นซับสเตรตร่วมน่าจะเป็นอกแนวทางหนึ่งในการเพมประสิทธิภาพการย่อยสลายเพอเพม
ิ่
ิ่
ื่
ี
ผลิตไฮโดรเจนและมีเทน นอกจากนี้แล้ว ถ้าพจารณาในแง่ของเสถียรภาพของปริมาณซับสเตรตที่ใช้
ิ
ตลอดทั้งปี สาหร่ายพุงชะโดสามารถเจริญเติบโตได้ตลอดทั้งปี ในขณะที่ผลผลิตปาล์มอาจจะมีน้อยลง
บางช่วงเวลา ส่งผลให้มี POME น้อยลง ก็จะสามารถใช้สาหร่ายพงชะโดทดแทนในอตราส่วนที่สูงขึ้น
ั
ุ
้
ได้เพื่อให้ระบบถังปฏิกรณ์ด้าเนินการได้เต็มกาลังการผลิตต่อเนื่องตลอดทั้งปี