Page 235 - 030
P. 235
235
่
ี่
ี
่
ุ
้
็
แกบตรคนอื่นๆ และไม่ได้จดทะเบยน ตอเจ้าพนักงานทเกยวข้อง เพื่อเปนการปองกันปญหาความ
ั
ี่
ู
ุ
ี่
่
ขัดแย้งระหว่างบตรของผู้ตายด้วยกัน ดังททานเราะสล ได้กล่าวไว้ว่า
) يراخبلا هجرخأ ) ) ( ض طعلا يف لكدلاو ن ب اول عا ( (
ื่
่
็
่
ความว่า“พวกทานจงให้ความเปนธรรมตอบรรดาบตรของพวกทานในเรอง
ุ
่
ของขวัญ”(บันทกโดยบคคอรย์)
ี
ุ
ึ
ึ
ุ
็
ดังนั้นเพื่อความเปนปกแผ่นในบรรดาบตรหลาน และปองกันปญหาทอาจน ามาซง
ี่
ั
ึ
่
้
ื่
ุ
่
ื
ึ
ความแตกแยกและขัดแย้งระหว่างเครอญาต ทกคนต้องค านงถึงความเปนธรรมในทกเรองตอบตรหลาน
ิ
็
ุ
ุ
์
ทอิสลามก าชับไว้ และควรตระหนักถึงความสมบูรณของการท านตกรรมแตละประเภท
ิ
ิ
ี่
่
7.3 ขอเสนอแนะ
้
้
7.3.1 ขอเสนอแนะในการน าผลการวิจัยไปใช ้
ิ
ื
้
1. ควรท าการส ารวจความรพ้นฐาน และแนวปฏิบัต ของมุสลิมในประเด็นอื่น
ู
้
ั
ุ
นอกเหนอจากประเด็นฟารออิฎ เพื่อสามารถพัฒนาปรบปรง และปองกันปญหา ผลกระทบตอสังคมใน
่
ื
ั
่
่
็
ด้านตางๆอย่างเปนระบบและได้ทันทวงท ี
่
2. ควรบรรจหลักวิชาอัลฟารออิฎในสถาบันการศึกษาตั้งแตระดับมัธยมปลายและ
ุ
ระดับอุดมศึกษาทั้งในสถาบันการศึกษาของรฐและของเอกชน
ั
็
3. ควรจะมีการสอบบรรจต าแหนงโต๊ะอิหม่าม และก าหนดหลักวิชาอัลฟารออิฎเปน
ุ
่
หนงในหลายวิชาทท าการสอบ เพื่อยกระดับมาตรฐานทางต าแหนงด้านศาสนา และเปนตัวแปรทส าคัญ
ี่
็
่
ึ
่
ี่
ในการแก้ปญหาในเรองฟารออิฎในระดับชมชน
ุ
ื่
ั
4. ควรจัดระบบและปรบปรงงานด้านเอกสารขององค์กรทางด้านศาสนาให้
ั
ุ
่
สอดคล้องกับกฎหมายบ้านเมืองและสังคมในปจจบัน เพื่อลดชองว่างการกอตัวของปญหาตางๆ
่
่
ั
ั
ุ
ั
ุ
ั
ิ
5. ควรให้มีการปรบปรงพระราชบัญญัตการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปตตาน ี
ี่
นราธวาส ยะลา และสตูล พ ศ. 2489 เพื่อขยายเขตพ้นทของการใช้กฎหมายอิสลามไปยังพ้นทจังหวัด
ื
ี่
ิ
ื