Page 23 - 024
P. 23
23
สามารถปฏบัตตามเงอนไขได้เท่านั้น (Abu Aminah Bilal Philips and Jamīlah Jones, 1990: 34)
ิ
ิ
ื่
ู
ชายใดทไม่มั่นใจว่าตนจะสามารถให้การดแลแก่บรรดาภรรยาและบตรอย่างเท่าเทยมกันได้แล้วก็จง
ุ
ี่
ี
แต่งงานกับภรรยาเพียงหนงคน มฉะนั้นจะเกิดความเสยหายและเปนความผิดบาปอันรายแรง
่
้
็
ึ
ิ
ี
่
ึ
ื
(Muhammad bin Misfir, 2004: 3) เงอนไขส าคัญของการมภรรยามากกว่าหนงคนคอ ต้องสามารถ
ื่
ี
ให้ความยุตธรรมแก่ภรรยาทกคน ดังนั้น ผู้ใดทเอาการอนญาตน้ไปใช้อย่างผิดๆ โดยไม่ปฏบัตตาม
ี่
ุ
ี
ุ
ิ
ิ
ิ
ิ
ื่
เงอนไขแห่งความยุตธรรมก็เท่ากับว่าเขาผู้นั้นก าลังพยายามหลอกลวงอัลลอฮ (ซัยยิด อบล อะลา
ุ
ู
เมาดด, แปลโดย บรรจง บนกาซัน, 2551: 318)
ี
ิ
็
การจ ากัดไม่ให้มภรรยาเกินกว่า 4 คนในคราวเดยวกัน ถอเปนความพอดและเปนทาง
ี
ื
็
ี
ี
สายกลาง ตลอดจนเปนการปองกันมให้สตรถกอธรรมซงอาจเกิดข้นได้ในกรณมมากเกินกว่า 4 คน
ี
ึ
ิ
็
ู
ึ
่
ี
้
ี
ี
ิ
ิ
ี
่
ั
ี
ฺ
3
ี
ึ
ื่
ซงแตกต่างจากจารตประเพณของชาวอาหรบในยุคญาฮลยะฮ และชนชาตอน ๆ โดยไม่มการก าหนด
ี
ุ
ี
ิ
จ านวนของการมภรรยาและมการทอดท้งภรรยาบางคน การอนญาตให้มภรรยาได้ 4 คนในคราว
ี
ี
ุ
่
ุ
เดยวกันไม่ได้หมายความว่ามสลมทกคนจะต้องมภรรยามากกว่าหนงคน แต่ทว่าหลักในการมภรรยา
ิ
ึ
ี
ี
็
ื
เพียงคนเดยวก็ยังถอเปนหลักการโดยส่วนใหญ่(อับดลสโก ดนอะ, 2553: 127) บทบัญญัตศาสนา
ี
ิ
ุ
ุ
ิ
ึ
ื่
ื่
ี่
ิ
อสลามในเรองดังกล่าวนั้นมเหตผลและเงอนไขทชัดเจน อนงเพื่อปองกันไม่ให้เกิดความเสอมทราม
่
ื่
ุ
้
ี
ี
ู
ุ
ิ
ี่
ทางศลธรรมในสังคมและเพื่ออปการะเล้ยงดบรรดาหญงทไม่ได้รบการแต่งงาน
ั
ี
ี
Billy Graham ได้กล่าวถงการมภรรยาหลายคนว่า “ถ้าชาวครสเตยนไม่สามารถ
ิ
ี
ึ
ุ
ิ
ิ
ุ
ี่
ั
ิ
แก้ปญหาสังคมทก าลังเหลวแหลก และอสลามได้อนญาตให้ธรรมชาตของมนษย์ด าเนนไปอย่างอสระ
ิ
ึ
แต่จ ากัดให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ประเทศครสเตยนทั้งหลายได้แสดงให้เหนถงการยึดมั่นในการม ี
็
ิ
ี
ึ
ี
ึ
ุ
ี
็
ิ
้
ู
ภรรยาเพียงคนเดยว แต่ในความเปนจรงแล้วทกคนก็รว่าการมภรรยาหลายคนได้เกิดข้นในสังคม จง
ี
็
ิ
ถอได้ว่าอสลามเปนศาสนาแห่งความซอสัตย์ทอนญาตให้มสลมมภรรยาคนทสองถ้าจ าเปน แต่อสลาม
ี่
ื
ุ
ื่
ิ
ิ
็
ุ
ี่
ี
้
์
ี
ี
ห้ามการมเพศสัมพันธอย่างลับๆ ทั้งน้เพื่อปกปองศลธรรมของสังคม” (มฮ าหมัดซากี เจ๊ะหะ, 2554:
ุ
ุ
ิ
ุ
ิ
ั
84) ศาสนาอสลามยอมรบธรรมชาตความต้องการทางเพศของมนษย์ และได้ควบคมให้อยู่ในทางท ี่
ิ
ี่
์
ิ
ู
ิ
ี่
ื่
ิ
ถกต้องด้วยการแต่งงาน มใช่ไปมความสัมพันธทางเพศทมชอบกับหญงอนทมใช่ภรรยาของตนเอง
ี
ิ
ศาสนาอสลามถอว่าการมความสัมพันธทางเพศระหว่างชายหญงโดยไม่ผ่านการแต่งงานมความผิด
ี
ี
ิ
ื
์
ี
ื
ี่
้
ิ
รายแรง ในทางกลับกันการมความสัมพันธเช่นน้โดยผ่านการแต่งงานกลับถอว่าเปนพฤตกรรมทด ี
ี
็
์
้
(Muhammad Imran, 2000: 103-108) การแต่งงานเปนหน้าททางศาสนา เปนการปองกันทาง
็
็
ี่
ี่
ี
ี
ิ
ุ
ศลธรรมและเปนการสรางความผูกพันร่วมกันทางสังคม มสลมทกคนจงต้องปฏบัตหน้าทน้ให้ส าเรจ
ึ
็
ุ
ิ
้
็
ิ
ื
ั
ุ
ี่
ลล่วงให้ได้(Hammudah ‘Abd al ‘Ati, 2003: 288) สถาบันครอบครวทมาจากการแต่งงานถอว่า
3
ึ
่
ึ
้
่
ี
็
ื่
่
ิ
ี่
ยุคสมัยที่สภาพสังคมที่หลงผิดก่อนทศาสนาอสลามจะถกเผยแผ่ ซงเปนยุคสมัยที่มแต่ความปาเถอน ไรซงคณธรรมจรยธรรม และปราศจากทางน าจากอัลลอฮ ฺ
ู
ุ
ิ