Page 202 - 024
P. 202
202
ขึ้น สาเหตุที่ไม่ยอมตอนแรกก็เพราะเขากลัวว่าจะเกิดปัญหาแล้วก็ต้องเลิกกัน เขามอง
เพียงแค่ปัจจัยด้านวัตถุ ฐานะความเป็นอยู่ของสามีเราแค่นั้นเอง หลักจรงๆ ของการมี
ิ
ั
ชีวิตครอบครวสาระของมันไม่ได้อยู่ที่วัตถุ ถึงมีภรรยาคนเดียวแต่ถ้าไม่เข้าใจค าสอน
ศาสนาก็อยู่ไม่ตลอดรอดฝั่ง” (คุณอะตีกะฮฺ, 28 ธันวาคม 2555)
“ ที่บ้านรบไม่ได้ ตัวเราเองก็ยังรบไม่ได้เหมือนกัน ที่บ้านก๊ะเขาจะถือมากเลยเรองนี้
ั
ั
ื่
ิ
เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ลูกสาวจบปรญญาโทแล้วด้วย แล้วต้องไปเป็นคนที่
ั
ื่
ู้
สอง เขาก็ขายหน้านะ เขารบไม่ได้มากๆ พอคนแถวบ้านเขารเรองนี้ก็โดนต่อต้านแรง
ขึ้นไปอีก โดนทั้งค าด่าแรงๆ ค าวิจารณ์เยอะมาก คนทั้งอ าเภอที่รจักก็ใส่มาหมดเลย ก็มี
ู้
บอกว่า ท าไม่เราถึงคิดต่ าได้ขนาดนี้!” (คุณฟาติหะฮฺ, 1 มกราคม 2556)
ั
ั
ั
ขณะเดียวกันเสียงสะท้อนจากฝ่ายชายผู้ที่ต้องรบผิดชอบบทบาทผู้น าครอบครวอน
หนักหน่วงนี้ ก็มิได้ล าบากใจน้อยไปกว่าฝ่ายหญิงเลย หากเมื่อเป็นการตัดสินใจที่อยู่บนฐานของความ
ถูกต้องตามหลักการศาสนาแล้ว แม้นว่าครอบครวของภรรยาจะไม่ยอมรบแต่ทุกคนก็พรอมยืนหยัด
้
ั
ั
กับบททดสอบนี้ด้วยความอดทน
“ผมไปขอภรรยาคนที่สอง ก็ไปขอกับพ่อแม่เขา ในบ้านเขาไม่มีใครซักคนที่ให้ เพราะ
ั
ั
พอเขาเห็นภาพครอบครวที่มีเมียหลายคนแล้วเขารบไม่ได้ ขนาดเขา..สุดท้ายเขาก็ยอม
เพราะปฎิเสธไม่ได้ เขาอนุญาตให้นิกาหฺกัน แต่ให้ไปแต่งกันที่อื่น เขาก็อตส่าห์ แนะน า
ุ
ว่าให้ไปนิกาหฺกันที่บ้านโต๊ะคนนั้น บ้านเวาะคนนู้น ไปนิกาหฺกันที่ไหนก็ได้ อย่ามาท า
ิ
ที่บ้าน เพราะญาติๆ เขาจะกล่าวหาเอาได้ว่าส่งลูกเรียนจบปรญญาแล้วให้ไปเป็นภรรยา
คนที่สอง” (อับดุลรอเซะ, 15 มกราคม 2556)
“...ต้องใช้เวลาซักระยะหนึ่งจนกว่าพ่อแม่เขาจะเข้าใจว่าเราไม่ได้เอาลูกสาวเขามาท า
ั
ื่
เหมือนที่สังคมอนเคยท ามาแล้ว คือเอามาแล้วก็ไม่รบผิดชอบ เอามาแล้วก็เผชิญหน้า
แบบใช้อานาจอย่างเดียว เราไม่ใช่แบบนั้น เราใช้ความเข้าใจและเป้าหมายชีวิตเป็น
จุดส าคัญในการพาลูกของเขาไปในอนาคต” (คุณริฎวาน, 23 ธันวาคม 2555)
ื
ภายหลังการแต่งงาน ความกังวลของบรรดาเครอญาติที่ยังคงไม่เชื่อมั่นถึงความสงบ
สุขจริงของครอบครัวลักษณะนี้ก็ยังคงมีอยู่ โดยส่งผ่านความห่วงใยมาในลักษณะของการตักเตือนให้