Page 161 - 017
P. 161
161
ดีษ และที่มุสลิมนําไปรายงาน (นอกจากที่ต๎องสอดคล๎อง) อีก 13 หะดีษ‛
นอกจากทํานหญิงอาอิชะฮฺและทํานหญิงอุมมุสะละมะฮฺ แล๎ว ทํานหญิง
หัฟเศาะฮฺ ก็เป็นภรรยานบีอีกทํานที่ให๎ความสําคัญกับหะดีษ ไมํวําการทํองจํา ทําความเข๎าใจ
หรือการรายงานหะดีษ ซึ่งปรากฏวํามีหะดีษที่รายงานจากนางทั้งหมด 60 หะดีษ เป็นหะดีษที่สอง
คล๎องกันระหวํา งบุคอรีและมุสลิมรวม 4 หะดีษ และที่มุสลิมนําไปรายงาน (นอกจากที่ต๎อง
สอดคล๎อง) อีก 6 หะดีษ (al-Dhahabiy, 2004/3: 347)
2) การตอบปัญหาหรือการชี้ขาดปัญหาศาสนา
เหลําเรือนของทํานนบี นั้นป็นศูนย๑กลางสําหรับการดะอฺวะฮฺ ที่ผู๎คนสามารถ
ไปดื่มด่ํา (หมายถึงรับเอา) บทบัญญัติตํางๆ ที่เกิดประโยชน๑ไมํวําจะเป็นเรื่องของศาสนาและดุนยา
โดยที่พวกเขาจะ ไตํถามถึงการกระทําและคําพูดของทํานเราะสูล รวมถึงสิ่งที่พวกเขาไมํได๎ร ู๎
เห็นและทํานนบี ไมํได๎คัดค๎าน บรรดาอุมมะฮาตอัลมุอ๑มินีนจะคอยตอบคําถา ม สั่งสอน และ
เผยแพรํคําพูดและการกระทําของทําน ( Ibrāhīm al-Jamal, n.d.: 160) การชี้ขาดปัญหาศาสนาโดย
ํ
อุมมะฮาตอัลมุอ๑มินีนดําเนินเรื่อยมาตั้งแตขณะที่ทํานเราะสูล ยังมีชีวิตและเสียชีวิต
ตัวอยํางการให๎คําชี้ขาดของอุมมะฮาตอัลมุอ๑มินีนทํานหญิงอาอิชะฮฺ
ทํานหญิงอาอิชะฮฺ เป็นผู๎ที่คอยให๎การชี้แนะตักเตือนแกํบรรดาสตรี โดย
บรรดาสตรีได๎สอบถามปัญหาเกี่ยวสตรีเป็นการเฉพาะ ซึ่งทํานหญิงอาอิชะฮฺ ก็ได๎ให๎คําชี้ขาด
ที่สอดคล๎องและตรงตามหลักการของศาสนา (Bassām Muh ฺammad H ฺimāmī, 1993: 104)
จากมุอาซะฮฺ รายงานวํา
))
((
660
( : )
ความวํา ‚มีสตรีนางหนึ่งถามทํานหญิงอาอิชะฮฺ โดยกลําววํา
พวกเราต๎องละหมาดใช๎ในชํวงเวลาที่เรามีประจําเดือนหรือไมํ ทําน