Page 7 - 0018
P. 7
1
บทท 1
ี่
บทน ำ
1.1 ควำมเป็นมำและเหตุผลควำมจ ำเป็น
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้กำหนด
พันธกิจหลักของคณะที่สอดคล้องกับพันธกิจของมหาวิทยาลัยไว้ 4 ประการ คือ 1) สร้างความเป็นผู้นำ
วิชาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ พัฒนาศักยภาพของบุคลากร งานวิจัย และนวัตกรรมที่
เชื่อมโยงสู่การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนภาคใต้ 2) ผลิตบัณฑิตที่มีคุณธรรมจริยธรรม มีสมรรถนะทาง
วิชาการและวิชาชีพ และสามารถผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นกับสมรรถนะสากลเพื่อให้แข่งขันได้ทั้งใน
ระดับประเทศและภูมิภาคอาเซียน 3) สร้างการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน
ด้วยการวิจัยเชิงบูรณาการและการสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายนานาชาติ และ 4) สร้างความเข้มแข็ง
ด้านบริการวิชาการเพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชนและสังคม รวมทั้งการหารายได้ให้แก่องค์กร
พันธกิจหลักทั้ง 4 ประการข้างต้นล้วนแล้วเป็นพนธกิจที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ให้ความสำคัญ
ั
ทั้งสิ้น ทั้งนี้ ผู้เขียนจะขอขยายความในส่วนของพันธกิจข้อที่ 4 คือ สร้างความเข้มแข็งด้านบริการวิชาการ
เพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชนและสังคม รวมทั้งการหารายได้ให้แก่องค์กร โดยคณะมีหน่วยงาน
สนับสนุนพันธกิจด้านนี้ จำนวน 1 หน่วยงาน คือ งานบริการวิชาการและชุมชนสัมพันธ์ มีหน้าที่สนับสนุน
การดำเนินงานบริการวิชาการในรูปแบบต่าง ๆ ตามความถนัดและในด้านที่คณะมีความเชี่ยวชาญ
ให้บริการทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ รูปแบบการให้บริการมีความหลากหลาย
เช่น การจัดอบรม สัมมนา จัดประชุมทางวิชาการ การจัดสอบวัดระดับทางภาษา การให้บริการแปลเอกสาร
ภาษาต่างประเทศ การให้คำปรึกษา การเป็นแหล่งอ้างอิงทางวิชาการ และการให้บริการบุคลากรตามคำ
เชิญชวนของหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งการให้บริการดังกล่าวมีทั้งแบบให้เปล่า และแบบคิดค่าใช้จ่ายตามความ
เหมาะสม ภายใต้องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร และยึดผลประโยชน์ของสังคมเป็นลำดับแรก การให้บริการ
ทางวิชาการนอกจากจะเป็นการทำประโยชน์ให้สังคมแล้ว คณะยังได้รับประโยชน์ในด้านต่าง ๆ
์
คือ การพัฒนาองคความรู้ของอาจารย์ในการลงไปปฏิบัติงานจริงกับชุมชนอันจะนำมาสู่การพฒนาหลักสูตร
ั
และการบูรณาการองค์ความรู้ที่ได้จากการให้บริการในการจัดการเรียนการสอน การเพิ่มเครือข่ายความ
ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ และการสร้างรายได้ให้แก่คณะและมหาวิทยาลัยจากการให้บริการดังกล่าว
ปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนสถานะของมหาวิทยาลัย
จากมหาวิทยาลัยของรัฐ สู่การเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ทำให้มหาวิทยาลัยต้องปรับตัวอย่างมาก
เพื่อให้สามารถดำรงอยู่ได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย รายได้จากงบประมาณอุดหนุนของรัฐ
และการลงทะเบียนของนักศึกษาที่มีแนวโน้มลดลงส่งผลให้มหาวิทยาลัยตระหนักและมองหาช่องทางของ
รายได้เสริมจากงานวิจัย และงานบริการวิชาการแก่สังคม เพื่อรักษาสมดุลและเสถียรภาพทางการเงินให้มี
ความคล่องตัวในการใช้จ่ายพัฒนาบุคลากรและมหาวิทยาลัย ด้วยจุดแข็งของการมีองค์ความรู้ขั้นสูงของ