Page 222 - 001
P. 222

211


                   สมัยคุปตะ-หลังคุปตะ

                          สมัยคุปตะ-หลังคุปตะ (พทธศตวรรษที่ 9-13 หรือ คริสต์ศตวรรษที่ 4-8) ได้รับการ
                                                 ุ
                   ยอมรับว่าเป็นยุคทองหรือยุคแห่งความรุ่งโรจน์ในงานด้านศิลปกรรม ผลงานศิลปะสาขา
                                               ั
                   ต่างๆได้รับการสร้างสรรค์และพฒนาไปสู่ความงามขั้นสูงสุดจนกลายเป็นต้นแบบและแบบ
                   ฉบับให้กับในยุคสมัยต่อๆมา อย่างไรก็ดี นอกจากราชวงศ์คุปตะที่ปกครองอินเดียทาง
                   ภาคเหนือแล้ว ยังปรากฏราชวงศ์อื่นอีกที่อยู่ร่วมสมัยเดียวกัน ได้แก่ วากาฏกะ (Vakatakas)

                   กดัมพะ (Kadambas) วรรมัน (Varmans) และหูณะ (Hunas) ถึงแม้ว่าจะเป็นแคว้นที่เล็ก
                   กว่าแต่ก็ได้สร้างผลงานศิลปะไว้ในที่ต่างๆหลายแห่ง เป็นต้นว่า ราชวงศ์วากาฏกะ ได้สร้าง
                   สถาปัตยกรรมถ้ำที่อชันตา เอลโลรา และที่อื่นๆอีกมาก ดังนั้น จึงถือว่าราชวงศ์คุปตะเป็น

                                                      ื้
                   แบบอย่างให้แก่ช่างฝีมือและศิลปินในพนที่อื่นๆในอินเดีย ในสมัยนี้จะขอเรียกลักษณะทาง
                   ศิลปะว่าเป็นศิลปะแบบคุปตะ-หลังคุปตะ และเรียกชื่อผู้สร้างตามราชวงศ์อื่นๆแตกต่างกัน

                   ออกไป ตามหลักฐานที่ปรากฏชัดเจนว่าใครเป็นผู้สร้าง
                          สถาปัตยกรรมในสมัยนี้ ยังคงเหมือนสมัยก่อนหน้า คือ มีทั้งสถูป สถาปัตยกรรมถ้ำ
                   หรือถ้ำที่ขุดเข้าไปในภูเขา และที่เห็นได้อย่างชัดเจนในสมัยนี้คือ ศาสนสถานที่สร้างขึ้น

                   กลางแจ้ง
                          สถูป

                          บรรดาสถูปในสมัยคุปตะมักถูกทำลายเสียโดยมาก ที่เก่าที่สุดคือที่ตั้งอยู่ ณ เมือง
                   ตักษิลาและฉารสัท (Charsada) ในแคว้นคันธาระ ซึ่งสถูปสมัยคันธาราฐใช้อิฐก่อและปั้นปูน
                                                                    ุ
                   เป็นเครื่องตกแต่ง สถูปสมัยต่อมาคือคุปตะ ตั้งแต่ราวพทธศตวรรษที่ 11 หินก็เข้าไปปนอยู่
                   กับอิฐดิบและอิฐที่เผาไฟแล้ว และการก่อตั้งบางครั้งก็ใช้เดือยเหล็กด้วย รูปร่างของสถูปสมัย
                   นี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมากคือ สูงขึ้นยิ่งกว่าแต่ก่อน ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสขยายใหญ่ยิ่งขึ้น องค์

                   ระฆังมีขนาดเล็กลงมีรูปร่างกลมหรือสอบเข้าข้างบน สถูปแบบนี้เป็นสถูปที่ไปปรากฏนอก
                   ประเทศอินเดีย เป็นต้นว่าที่เกาะชวา ในประเทศไทยและทิเบต
                                                                          25
                                                                                   ์
                                                                                 ิ
                          สำหรับลวดลายเครื่องประดับสถูปมีทั้งที่เป็นลายปูนปั้น อิฐพมพ หรือสลักลงไปใน
                                                                     ุ
                   ตัวสถูป ลายเหล่านี้อาจเป็นลายลวดบัว ลายเสา ลายกุฑ ประติมากรรม หรือภาพสลักและ
                   มักระบายสีประกอบ เป็นต้นว่า สีแดง ทอง และดำ ภาพสลักมักใช้ประดับฐานสถูป แต่

                   พระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ก็ก็ประดิษฐานอยู่ภายในซุ้มมีลายกุฑุอยู่เบื้องบนและใช้ประดับ
                   ผนัง สถูปแบบนี้แพร่ออกไปยังนอกประเทศอินเดียเช่นเดียวกัน
                          สถาปัตยกรรมถ้ำ

                          • ถ้ำอชันตา หมายเลข 19 เป็นถ้ำที่มีซุ้มประตูทางเข้าที่งดงามที่สุดในบรรดาถ้ำ
                   ทั้งหมดของอชันตา สร้างขึ้นในราวพทธศตวรรษที่ 10 (คริสต์ศตวรรษที่ 5) ในลัทธิมหายาน
                                                   ุ
                   บริเวณด้านหน้าประกอบไปด้วยเสาศิลาขนาดใหญ่ 2 ต้นตรงประตูทางเข้า เหนือขึ้นไปเป็น
                   หน้าตาสลักเป็นทรงวงโค้งรูปเกือกม้า หน้าต่างแต่ละด้านมีประติมากรรมรูปยักษ์ซึ่งประดับ
                   ประดาด้วยอัญมณีที่งดงาม ในขณะที่ พนที่ว่างอื่นๆบริเวณทางเข้าด้านหน้าล้วนสลักเป็น
                                                       ื้



                          25  สุภัทรดิศ ดิศกุล. (2534). ศิลปะอินเดีย. กรุงเทพฯ: องค์การค้าของคุรุสภา, หน้า107.
   217   218   219   220   221   222   223   224   225   226   227