Page 105 - 160
P. 105

91



                                     คำตอบที่ 6 ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชนคนที่ 2 ให้ความเห็นว่า
                                     “ในพื้นที่จะเป็นเรื่องของการเกษตร เช่น ยาง หมาก ทุเรียน ลองกอง แนวโน้มของ

                                                                  ี
                       อุตสาหกรรมจึงน่าจะเป็นอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อกอย่างหนึ่งคือ การก่อสร้าง เพราะเรามีโรงโม่หิน
                       มีแหล่งหิน การพัฒนาจึงต้องเป็นการต่อยอด ซึ่งอาชีวศึกษาเป็นกำลังสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่าง

                       อุตสาหกรรม ส่วนกำลังแรงงาน จริง ๆ ในสภาอุตสาหกรรมของเรามีสมาชิก 38 โรง หากประมาณ

                       การต่อปี มีแรงงานเข้าออกโรงงานละ 10 คน โดยเฉลี่ยก็อยู่ที่ 400 คน/ ปี โรงงานในจังหวัดยะลา
                                                         ุ
                       มีจำนวน 170 โรง ซึ่งโรงงานที่อยู่ในสภาอตสาหกรรมส่วนใหญ่จะเป็นโรงอตสาหกรรมยาง คือ
                                                                                    ุ
                       มีแรงงานตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป โดยเรื่องที่อยากให้เน้น คือ การเกษตรแปรรูป เพื่อส่งสินค้าออกไปยัง
                       พื้นที่อื่น  เช่น การแกะเนื้อทุเรียนส่งไปให้โรงงานทำขนม ส่งเปลือกไปทำปุ๋ย หรือพวกน้ำยาง ต้นยาง

                       ก็สามารถนำไปแปรรูปได้หลายอย่าง เรื่องของการส่งเสริมบางทีโรงงานสามารถคิดได้ แต่เรื่องของ

                       นวัตกรรมยังขาดคนมารับช่วงต่อ ดังนั้น จึงต้องให้อาชีวศึกษาฝึกพื้นฐานให้กำลังคนแล้วมารับ
                       วัตถุประสงค์จากโรงงานอุตสาหกรรมและทำให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว  และจำนวนแรงงาน

                       อาชีวศึกษา ใน 3 จังหวัด อีก 5 ปีข้างหน้า จะอยู่ประมาณ 1,500 ตำแหน่ง”

                                     คำตอบที่ 7 ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชนคนที่ 3  ให้ความเห็นว่า
                                           ู
                                     “หากพดถึงอุตสาหกรรมในระดับประเทศ 14 จังหวัดภาคใต้มีพื้นที่ติดทะเลทั้ง
                       2 ด้าน ซึ่งเป็นความได้เปรียบเชิงพื้นที่ ยิ่งเมื่อกล่าวถึง 3 จังหวัดชายแดน ยิ่งได้เปรียบมากขึ้น เพราะมี
                       ทั้งการทำประมงและเกษตร หากจะมีการพัฒนาให้เป็นอุตสาหกรรม ก็เป็นเรื่องดีและเราย่อม

                       ได้เปรียบในเชิงพื้นที่มากกว่าภูมิภาคอื่น การจะพัฒนาอุตสาหกรรม หากไม่มีปัญหาในเรื่องของข้อ

                       กฎหมายการทำประมงที่เข้ามามีบทบาททำให้ได้รับผลกระทบ และเราสามารถผ่านพ้นปัญหาดังกล่าว
                       ไปได้ พื้นที่ตรงนี้จะเป็นพื้นที่สำคัญและมีบทบาทในเรื่องการเกษตร เพราะเรามีทุเรียนและผลไม้

                       หลายชนิดที่เป็นพืชเศรษฐกิจ ที่สามารถพัฒนาให้เป็นอุตสาหกรรมได้ไม่ยาก เนื่องจากเรามีความอดม
                                                                                                       ุ
                       สมบูรณ์ในเชิงพื้นที่อยู่แล้ว เราสามารถขยายพื้นที่การลงทุนเกษตรในอุตสาหกรรมได้ไม่ยาก

                       นอกจากนี้เราต้องมีตลาดเข้ามาเป็นตัวกำหนดด้วย อย่างเช่นในกรณี ปาล์มน้ำมัน เมื่อในพื้นที่มการ
                                                                                                    ี
                       ปลูกต้นปาล์ม ก็จะมีโรงงานปาล์มน้ำมันมาตั้ง แต่เมื่อพิจารณาในเชิงลึกแล้ว จะพบว่าเราก็ยังต้อง
                       นำเข้าปาล์มน้ำมัน รวมถึงผลไม้อื่น ๆ ด้วย เช่น มะพร้าว ทุเรียน ซึ่งสามารถนำมาแปรรูปที่ทำให้มี

                       มูลค่าเพมได้ ในส่วนของการประมง หากมีการแก้ปัญหาเรื่องกฎหมาย ปรับแก้ให้สอดคล้องและเป็น
                             ิ่
                       ธรรม ก็จะสามารถทำให้อุตสาหกรรมประมงเป็นอุตสาหกรรมที่ทำเม็ดเงินที่มีมูลค่าสูง และหากสร้าง
                       องค์ความรู้และพนที่ให้เป็นเกษตรอุตสาหกรรม ก็จะสามารถประกาศให้พื้นที่เป็นครัวของโลกด้าน
                                    ื้
                       ฮาลาลได้ เพราะเรามีจุดแข็ง เพียงแต่ไม่ได้นำไปใช้เท่าที่ควร ถ้าเรามีการเสริมกำลังคน เสริมองค์ความรู้

                       นวัตกรรม งานวิจัยต่าง ๆ พัฒนาให้เป็นจุดแข็งจริง ๆ ส่งเสริมด้านวัตถุดิบให้ยั่งยืน ก็จะทำให้เกิด
                       จำนวนแรงงานเพิ่มขึ้น ทั้งแรงงานที่ใช้แรงงาน แรงงานฝีมือด้านวิศวกรรม เทคนิค ดิจิทัล
   100   101   102   103   104   105   106   107   108   109   110