Page 59 - 067
P. 59

45






                              ในระบบการหมักเพอผลิตไฮโดรเจนนั้นสารละลายบัพเฟอร์มีความส้าคัญเป็นอย่างยิ่งในการ
                                              ื่
                       รักษาระดับ pH  ให้เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วการหมักในห้องปฏิบัติการนั้น มีการใช้สารละลาย
                                                              ุ
                       NaHCO ซึ่งมีผลต่อต้นทุนการผลิตในระดับอตสาหกรรมได้ ดังนั้นในงานวิจัยนี้พบว่าสามารถใช้
                             3
                       สารละลายเถ้าปาล์มซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งจากในอุตสาหกรรมสกัดน้้ามันปาล์มสามารถน้ามาใช้ทดแทน
                       สารละลาย NaHCO  และสามารถช่วยรักษาระดับ pH ให้อยู่ในช่วงที่แบคทีเรียผลิตไฮโดรเจน
                                        3
                       สามารถเจริญได้และให้ผลผลิตไฮโดรเจนในระดับที่น่าพอใจ งานวิจัยก่อนหน้านี้โดย
                       Saritpongteeraka  and  Chaiprapat  (2008) ใช้เถ้าไม้ยางส้าหรับการปรับสภาพน้้าเสียโรงงานน้้า
                       ยางข้นส้าหรับการผลิตแก๊สชีวภาพในถังปฏิกรณ์ชนิด Anaerobic Bafle Reactor ซึ่งได้ผลผลิตแก๊ส

                       ชีวภาพในระดับดี (0.29-0.30 L-CH /g-COD removed )
                                                    4
                              ผลการวิเคราะห์กรดไขมันระเหยได้และกรดอนทรีย์ด้วยเครื่อง HPLC ลักษณะของการเกิด
                                                                    ิ
                       กรดจะเห็นว่ามีความสอดคล้องกับการเกิดผลผลิตไฮโดรเจน โดยเฉพาะการเกิดกรด
                       อะซิติกยิ่งมีการผลิตหรือการเกิดกรดอะซิติกในปริมาณมาก การเกิดผลผลิตไฮโดรเจนก็จะได้มากขึ้น

                       ถึงแม้ว่าปริมาณของไฮโดรเจนจะเกิดขึ้นมากกว่าหากมีการผลิตกรดบิวทิริก แต่ในกระบวนการผลิต
                       ของจุลินทรีย์กลุ่มผลิตกรด มักจะผลิตในรูปของกรดอะซิติกมากกว่ากรดบิวทิริกดังแสดงในภาพที่ 4.7
                       ที่มีการศึกษาปริมาณความเข้มข้นของกรดที่เกิดขึ้นในระบบของถังหมัก CSTR ที่ HRT 7, 5, 4, 3, 2

                       และ 1 วัน ซึ่งจากการวิเคราะห์กรดไขมันที่ระเหยง่ายพบว่าที่ HRT  7  วันเกิดการผลิตกรดอะซิติก
                       สูงสุด (200-300 mM) ตามด้วยกรดโพรพโอนิก (135-260 mM) กรดแลคติก (110-200 mM) และ
                                                          ิ
                       กรดบิวทิริก (50-100 mM) ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มที่ดีในการเกิดผลผลิตไฮโดรเจนที่สูง แต่หลังจาก HRT
                       7 วัน พบปริมาณของกรดแลคติกที่สูงที่สุด และมีปริมาณที่สูงขึ้นอย่างมากเมื่อเข้าสู่ HRT 1 วัน แต่
                       pH ของระบบยังอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมแม้ว่าจะต่้าถึง pH 5.2 แต่ก็ยังอย่ในสภาวะที่จุลินทรีย์ผลิต

                       กรดยังคงสามารถเจริญได้ ดังนั้นอกสาเหตุของปริมาณกรดแลคติกที่สูงมาจากองค์ประกอบของ
                                                     ี
                       ซับสเตรต POME  ซึ่งจากผลการวิเคราะห์พบมีปริมาณกรดแลคติกสูงถึง 2,397  mM  ซึ่งอาจเป็น
                       สาเหตุเมื่อ HRT ต่้าลงปริมาณของซับสเตรตที่ป้อนเข้าสู่ระบบมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการสะสมของ

                                                    ิ
                                                                                         ี
                       กรดไขมันระเหยได้และหรือกรดอนทรีย์ ในกรณีที่เกิดการผลิตกรดอะซิติกเพยงอย่างเดียวจะให้
                       ผลผลิตของแก๊สไฮโดรเจนในทางทฤษฏีคือ 498  mL-H /g-Sugar  (STP)  ส่วนในกรณีที่เกิดการผลิต
                                                                    2
                                   ี
                       กรดบิวทิริกเพยงอย่างเดียวจะให้ผลผลิตของแก๊สไฮโดรเจนในทางทฤษฏีคือ 249  mL-H /g-Sugar
                                                                                                 2
                       (STP) ในขณะที่การผลิตกรดชนิดอน ๆ พบว่าไม่เกิดการผลิตแก๊สไฮโดรเจนและอาจมีการใช้
                                                      ื่
                                                                      ิ
                                     ื่
                       ไฮโดรเจนร่วมเพอผลิตด้วยในกรณีของการเกิดกรดโพรพโอนิก (Angenent  et  al.,  2004) ดังนั้น
                       ผลผลิตไฮโดรเจนจึงขึ้นกับการผลิตอนทรีย์ในระหว่างการเกิดปฏิกิริยาการหมักแบบต่อเนื่อง การเกิด
                                                     ิ
                       กรดหลากหลายชนิดส่งผลให้ผลผลิตไฮโดรเจนมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยขึ้นอยู่สภาวะการปฏิบัติการ
                       และสิ่งแวดล้อม
   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64