Page 96 - 006
P. 96

85


                                                                        ื่
                          พระเจ้าอโศกยังทรงจัดตั้งกระทรวงวัฒนธรรมขึ้น เพอสั่งสอนศีลธรรมจรรยาแก่ราษฎร
                   ของพระองค์ ทรงเน้นหลักมนุษยธรรมในการปกครอง และใช้ศีลธรรมเป็นหลักในการจัด
                   ระเบียบและควบคุมสังคม ตลอดจนการสร้างเอกภาพและเสถียรภาพในจักรวรรดิ ทรงบริหาร
                   ประเทศด้วยความเมตตากรุณา โดยพระองค์ประกาศว่ามนุษย์ทุกคนเป็นบุตรของพระองค์ ทรง

                   เน้นความยุติธรรมและความรวดเร็วในการปฏิบัติหน้าที่ และยังโปรดให้มีการบริการ
                                                                            ั
                   สาธารณประโยชน์แก่สังคม เช่น การสร้างถนน บ่อน้ำ ที่พกสำหรับคนเดินทาง สร้าง
                   โรงพยาบาล เป็นต้น
                          อย่างไรก็ดี แม้ว่าพระเจ้าอโศกจะทรงนำหลักธรรมมาใช้ในการปกครอง แต่ความ
                   ปรารถนาที่จะแผ่ขยายจักรวรรดิยังคงมีอยู่ พระองค์จึงทรงดัดแปลงให้เข้ากับหลักมนุษยธรรม

                                                        ิ
                   ของพุทธศาสนา โดยทรงใช้นโยบายการพชิตด้วยธรรมะแทนการแผ่ขยายอาณาเขตด้วยการทำ
                   สงคราม ทรงถือว่าชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ชัยชนะแห่งธรรม จักรวรรดิโมริยะจึงขยายออกไป

                   อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทางใต้ซึ่งเป็นดินแดนที่ยากต่อการขยายอำนาจ
                          ในด้านการปกครอง พระเจ้าอโศกทรงใช้นโยบายโยงอำนาจเข้าสู่ส่วนกลางมากกว่าการ
                                                                           ื่
                   กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น มีการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมเพออำนวยความสะดวกในการ
                   ติดต่อสื่อสารระหว่างส่วนต่างๆของจักรวรรดิ ทรงจัดตั้งข้าราชการชุดที่เรียกว่า ธรรมะ-มหา
                                                                                                   ุ
                   มาตย์ (dharma-mahamatras) ซึ่งประกอบไปด้วยผู้มีความรู้ด้านหลักธรรมคำสอนในพทธ
                   ศาสนาทุกนิกายที่เจริญอยู่ในขณะนั้น ข้าราชการชุดนี้มีหน้าที่โดยตรงในการนำธรรมะไปเผยแผ่
                   และปลูกฝังให้ประชาชนในราชอาณาจักรของพระองค์ รวมไปถึงการทำหน้าที่ในการสอดส่อง
                   ดูแลความประพฤติของราษฎรให้ประพฤติปฏิบัติตามธรรมที่พระองค์ทรงปลูกฝังอีกด้วย
                                                                                               16

                          ในรัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช จักรวรรดิโมริยะของพระองค์เติบโต ยิ่งใหญ่และมี

                   ความเจริญรุ่งเรืองในหลายๆด้าน แต่เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ลงเมื่อปี 232 ปีก่อนคริสตกาล
                   จักรวรรดิโมริยะก็เริ่มแตกแยก แว่นแคว้นต่างๆที่เคยขึ้นกับจักรวรรดิก็แยกตัวเป็นอิสระ ผู้สืบ
                   ราชวงศ์ต่อมาไม่มีผู้ใดที่มีความสามารถเทียบเท่ากับพระองค์ จักรวรรดิโมริยะจึงค่อยๆเสื่อม

                   สลายลงไปในที่สุด


                   ลักษณะการปกครอง สังคม การศึกษา และเศรษฐกิจสมัยราชวงศ์โมริยะ
                          เรื่องราวความเจริญของราชวงศ์โมริยะได้มาจากหลักฐานที่สำคัญ ได้แก่ บันทึกของเม
                   กาเทเนส ราชทูตกรีกประจำราชสำนักของพระเจ้าจันทรคุปต์ ศิลาจารึกของพระเจ้าอโศก และ

                   คัมภีร์อรรถศาสตร์ ซึ่งเขียนโดยพราหมณ์เกาฏิลยะ ที่ปรึกษาคนสำคัญของพระเจ้าจันทรคุปต์


                          1.  การปกครอง กษัตริย์ทรงรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง ทรงจัดให้มีสภาเสนาบดี (The
                   council of ministers) ซึ่งประกอบไปด้วยข้าราชการระดับสูงสุด ซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนราชการที่
                   สำคัญจำนวน 3-12 คน และสภาแห่งรัฐ (state council) ประกอบด้วยสมาชิกจำนวนประมาณ




                          16  สุภัทรา นีลวัชระ วรรณพิณและศุภวรรณ ชวรัตนวงศ. อินเดีย : อดีต-ปัจจุบัน, หน้า78.
                                                            ์
   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100   101