Page 49 - 006
P. 49

38


                   ทวีปอินเดีย พวกนี้เรียกว่า “อินโด-อารยัน” (Indo- Aryan) หรือ อารยัน

                          ดังนั้น คำว่า “อารยัน” (Aryan) “อิหร่าน” (Iran) “ไอร์” (Ire) ซึ่งหมายถึงดินแดน
                   ปลายสุดทางทิศตะวันตกที่คนกลุ่มนี้เคยไปถึง (คือ ไอร์แลนด์ปัจจุบัน) ก็มาจากรากศัพท์
                   เดียวกัน และมีความหมายเหมือนกัน คือ หมายถึง ผู้มีความเจริญ หรือ อารยะ (Arya) นั่นเอง





























                                          ภาพที่ 18 การแพร่กระจายของชาวอารยัน

                   ที่มา : https://upload.wikimedia.org/[Online], accessed 27 October 2018.


                          หลักฐานสำคัญที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพวกอารยันที่เข้ามาในเอเชียใต้ คือ คัมภีร์พระเวท
                   (Vedas) ซึ่งให้รายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ ความเชื่อทางศาสนา และสถาบัน
                   ต่างๆของชาวอารยันที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเอเชียใต้ในระยะแรกๆ ด้วยเหตุนี้นักประวัติศาสตร์จึง

                   เรียกช่วงเวลานี้ว่า “สมัยพระเวท”
                          คัมภีร์พระเวทเป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ของโลกและ

                   ประวัติศาสตร์ของอนุทวีปอินเดีย โดยพราหมณ์ได้ท่องจำสืบต่อกันมาก่อนที่จะบันทึกลาย
                   ลักษณ์อักษรเมื่อประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล คำว่า “เวท” แปลว่า ความรู้ ซึ่งในที่นี้
                   หมายถึงความรู้ทางศาสนา หรือความรู้ทางจิตใจ เขียนด้วยภาษาสันสกฤตโบราณอันเป็นภาษา

                   ในตระกูลอินโด-ยูโรเปียน คัมภีร์พระเวทเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพราหมณ์ ซึ่งต่อมาได้
                   วิวัฒนาการเป็นศาสนาฮินดูและมีความสำคัญต่อชาวฮินดูเป็นอย่างมาก คัมภีร์พระเวทเป็น

                   หลักฐานชิ้นแรกทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึงความเชื่อทางศาสนาของชาวฮินดู เป็นบทสวดบูชา
                   เทพเจ้าหลายองค์และสวดท่องจำจนขึ้นใจสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน โดยชาวฮินดูถือว่าคัมภีร์
                   พระเวทไม่ใช่ผลงานที่เกิดขึ้นโดยมนุษย์ แต่เป็นพระวัจนะของพระเจ้าที่ถ่ายทอดแก่ฤาษีหรือผู้รู้

                   ในสมัยโบราณ พวกฤาษีทั้งหลายเมื่อเรียนรู้พระเวทจากพระพรหมแล้วก็สั่งสอนถ่ายทอดให้แก่
                   สานุศิษย์ต่อๆมา ก็คือ พวกพราหมณ์ โดยในระยะแรกพวกพราหมณ์ผู้เป็นนักบวชได้ผูกขาดบท

                   สวดเหล่านี้เป็นความลับ และมอบเป็นมรดกตกทอดประจำตระกูล หรือให้ท่องจำจากปาก
                   อาจารย์ถึงศิษย์เท่านั้น แต่ในที่สุดก็ได้รับการรวบรวมจารึกลงเป็นลายลักษณ์อักษร
   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54