Page 140 - 006
P. 140
129
่
• สมาคมพอค้า ระบบสมาคมซึ่งถือเป็นองค์กรด้านการค้าและอุตสาหกรรมปรากฏ
ขึ้นในอินเดียตั้งแต่ยุคต้นประวัติศาสตร์แล้ว ตามหลักฐานที่ปรากฏในคัมภีร์อรรถศาสตร์ได้
บรรยายถึงสมาคมช่างทำทองไว้อย่างละเอียด ในขณะที่ในสมัยคุปตะสมาคมยิ่งมีความเข้มข้น
มากขึ้น เนื่องจากมีความหลากหลายของอาชีพและการค้า
จากจารึกและตราประทับที่กำหนดอายุอยู่ในสมัยคุปตะเป็นต้นว่า ตราประทับที่ขุดค้น
ได้ที่แหล่งโบราณคดีพาสาร์ห (Basarh) ในเมืองเวสาลี (Vaisali) ได้พบตราประทับราว 274 ชิ้น
่
ซึ่งเป็นของสมาชิกในสมาคมพอค้า ธนาคาร ศิลปิน ช่างฝีมือ คนทอผ้า ช่างตัดหิน ฯลฯ
กระจายอยู่ทั่วเมือง โดยตราประทับทั้งหมดมีอายุอยู่ในราวพทธศตวรรษที่ 10 หรือปลาย
ุ
คริสต์ศตวรรษที่ 4 ซึ่งแสดงให้เห็นความแข็งแกร่งและหลากหลายของสมาคมในยุคนี้ได้เป็น
อย่างดี
สมาคมต่างๆเหล่านี้มีหน้าที่เหมือนธนาคาร คือทำการฝากเงินและให้กู้เงิน โดยมี
กฎหมายและระเบียบของตนเอง รัฐบาลเองก็ให้ความเคารพกฎระเบียบของสมาคมด้วย เงิน
ฝากของสมาคมยังถูกนำไปช่วยในงานการกุศลต่างๆ จากตัวอย่างที่ปรากฏในจารึกคธวะ
18
(Gadhwa) ของพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2 ได้กล่าวว่า เงินฝากของพระองค์ 10 ดินาร่าทองคำ ถูก
ื่
ใช้เพองานการกุศลหรือโรงทาน ในขณะที่พระเจ้ากุมารคุปต์ได้ใช้เงินฝากจากสองสมาคมเพื่อ
ทำนุบำรุงศาสนาและเป็นกองทานอยู่เสมอ ในกรณีฉุกเฉินสมาคมมีสิทธิ์ที่จะสร้างกองทหาร
อาสาได้ เพอรักษาความปลอดภัยในตัวบุคคลและสินค้าสำคัญๆของสมาชิก สมาคมยังมีส่วน
ื่
19
ส่งเสริมการศึกษาทั้งด้านอาชีพเฉพาะและอาชีพทั่วไป อีกทั้งยังมีส่วนในการบริจาคเงินและ
สิ่งของเพื่อสร้างหรือปฏิสังขรณ์วัดอีกด้วย สมาคมในสมัยคุปตะจึงมีความสำคัญกับระบบการค้า
ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ในฐานะที่เป็นผู้บริหารจัดการตัวสินค้า และบริหารจัดการ
สภาพคล่องทางการลงทุนด้วยการปฏิบัติตนเสมือนนายธนาคารนั่นเอง
ี
• ภาษที่ดิน นอกจากภาษีที่เสียเป็นผลิตผลทางการเกษตรซึ่งเก็บเป็นประจำจาก
บุคคลที่เข้ามาขายสินค้าในตลาด รวมไปถึงภาษีจากการทำป่าไม้ และทำปศุสัตว์แล้ว ภาษีที่ดิน
เป็นภาษีอีกประเภทหนึ่งที่นำรายได้เข้ารัฐอย่างมหาศาล ตามธรรมเนียมแต่ครั้งโบราณกาลมา
ผืนดินถือเป็นทรัพย์สมบัติของกษัตริย์ ในบันทึกของเมกาเธเนส ทูตที่เข้ามาในราชสำนักสมัย
ราชวงศ์โมริยะได้บันทึกไว้ชัดเจนว่า พระมหากษัตริย์ของอินเดียเป็นเจ้าของแผ่นดินในประเทศ
ทั้งหมด ประชาชนจะต้องจ่ายภาษี 1 ใน 4 ของผลผลิตทั้งหมดเข้าท้องพระคลัง อย่างไรก็ดี ใน
สมัยคุปตะนั้นกษัตริย์ได้พระราชทานที่ดินให้แก่วัด องค์กรทางศาสนา รวมไปถึงนักบวชแล้วเก็บ
ภาษีจากคนกลุ่มนี้ โดยรัฐจะเก็บภาษี 1-6 ส่วนจากผลผลิตที่ผลิตได้ในที่ดินนั้นๆหรือจากที่
เจ้าของที่ดินที่ขายผลผลิตได้ สิ่งที่น่าสนใจคือ ภาษีที่ดินในแต่ละที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบเดียวกัน
เสมอไป บางแห่งให้เป็นผลิตผลทางการเกษตร บางแห่งจ่ายเป็นเงินสดหรือให้เป็นบางส่วนของ
ผลผลิตทั้งหมด
18 ดินาร่า (Dinaras) เป็นเหรียญทองคำของอินเดียโบราณซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากโรมัน
19 ดนัย ไชยโยธา. ประวัติศาสตร์เอเชียใต้ยุคโบราณ, หน้า 342.