Page 375 - 024
P. 375
375
หนึ่งที่ไม่กินเนื้ออย่างนี้ จะเอาเนื้อไปให้เหมือน ดูเป็นบ้านๆ ไป อนนี้ต้องดูความจ าเป็น
ั
ื่
บ้านอนก็คงไม่ได้ สามีก็อาจต้องซื้อปลาไปให้ ประกอบ
การที่เขาไม่กินเนื้อก็อาจมาจากปัญหาของ ผู้วิจัย : ค่ะ
สุขภาพอย่างนี้ เพราะฉะนั้นมามาคิดว่าในความ ผู้ใหสัมภาษณ์ : อนนั้นก็เป็นหน้าที่ที่สามีต้อง
ั
้
เท่าเทียมไม่ใช่ว่าต้องเหมือนกัน แต่ต้องดูที่ หามาให้ แต่ถ้าภรรยาเขาสละก็ไม่เป็นไร อย่าง
ความต้องการของเขาประกอบด้วย อย่างเวลา ภรรยาคนที่สามเขามีฐานะดี ก็จะมีทรพย์สิน
ั
สามีจะซื้อเสื้อผ้าให้ภรรยาใช่ไหม จะซื้อให้ เยอะอยู่แล้ว อาจจะมีบ้านเช่าหรอมีสมบัติอน
ื
ื่
เหมือนกันทั้งสามสี่คน คงไม่ใช่ จะซื้อสีเขียว ถ้าเขามีจิตศรทธาเขาก็อาจจะไม่เรยกรองจาก
ี
ั
้
หมดเลยก็คงไม่ใช่เหมือนกัน เพราะภรรยาแต่ สามี เขาก็อาจจะบอกว่า ฉันขอแค่นี้ก็พอแล้ว
ละคนก็ชอบคนละแบบ บางคนชอบแดง ชอบ คือ มันเป็นหน้าที่ที่สามีต้องให้ แต่ส่วนของ
เหลือง ชอบขาวใช่ไหม ภรรยาถ้าเขามีอยู่แล้วก็สละได้ ไม่ถือว่าผิด
ผู้วิจัย : แสดงว่าสามีก็ต้องรว่าภรรยาแต่ละคน ผู้วิจัย : ถ้าอย่างนี้คือยังอยู่ในขอบข่ายของความ
ู้
ชอบอะไร ถึงจะจัดสรรมาให้ถูกใช่ไหมค่ะ ยุติธรรมใช่ไหมค่ะ
ผู้ใหสัมภาษณ์ : ใช่ๆ ต้องรเลย ต้องให้ในสิ่งที่ ผู้ใหสัมภาษณ์ : คือ สามีมีเงินเดือนแค่หมื่น
ู้
้
้
เขาชอบ ถ้าแบบที่ซื้อมาแล้วยัดเยียดให้ชอบก็ กว่าๆ แต่มีภรรยาสี่คน แต่ละคนต้องใช้เดือน
ื่
ไม่เหมาะ เพราะเรองอย่างนี้เป็นเรองส่วนตัว ละสี่พันอย่างนี้ ก็ต้องใช้อย่างน้อยเดือนละหมื่น
ื่
ของเขา ไม่ได้เกี่ยวกับค าสั่งของศาสนา คืออยู่ที่ หก ภรรยาที่เขามีอยู่แล้วเขาก็จะเข้าใจและไม่
ี
ื่
ความเหมาะสมอกทีหนึ่ง แต่ถ้าเป็นเรองค าสั่ง เรียกร้องให้ได้เท่ากับคนอื่นๆ
ของศาสนานี้ไม่ได้ ผู้วิจัย : แล้วการแบ่งปันในเรองอนๆ เช่นเรอง
ื่
ื่
ื่
ผู้วิจัย : เรองที่เป็นค าสั่งของศาสนานี้พอจะ เวลา อย่างนี้ อย่างถ้าสามีก็ท างานเป็นคนของ
ื่
ยกตัวอย่างได้ไหมค่ะ สังคมอยู่แล้ว คือมีข้อจ ากัดของเวลาอยู่ด้วย
ผู้ใหสัมภาษณ์ : อย่างการให้ค่าเลี้ยงดู ถ้ามี และก็ต้องแบ่งเวลามาให้บรรดาภรรยาเท่าๆกัน
้
ภรรยาสี่คน ส่วนที่เป็นนัฟเกาะฮฺของภรรยาก็ อก อย่างนี้จะส่งผลกระทบอะไรต่อครอบครว
ั
ี
ต้องให้เท่ากัน ส่วนของลูกก็เป็นหน้าที่ของสามี ไหมค่ะ
เช่น ส่วนของภรรยาอาจให้เท่ากันคนละสาม ผู้ใหสัมภาษณ์ : อย่างครอบครวของมามานี้
ั
้
พันต่อเดือน พอส่วนของลูกก็ต้องดูว่าลูกของ ก่อนแต่งงานเราเป็นเพื่อนกันมาก่อน คือท างาน
้
่
แต่ละบ้านมีความจ าเป็นตองใช้เท่าไหร ลูกที่ยัง ในชมรมเดียวกัน หรืออาจพูดได้ว่ามีอดมการณ์
ุ
ื
เล็กหรออยู่ประถมก็อาจจะใช้น้อยกว่า เพราะ เหมือนกัน อย่างเรองการแต่งงาน เราก็เคยคุย
ื่
ี
อาหารกลางวันก็กินที่โรงเรยน ขนมก็กินที่ กันมาก่อนว่า การใช้ชีวิตแต่งงานของเราไม่ได้
ี
โรงเรยน ลูกที่อยู่มัธยมก็ต้องจ่ายเพิ่มมาหน่อย เหมือนวัยรนทั่วไป แต่การตัดสินใจใช้ชีวิตคู่
ุ่
เพราะต้องนั่งรถ ต้องจ่ายค่าเดินทางด้วย ส่วน ของเรา คือ เรามีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือกัน
ลูกที่เข้ามหาลัยแล้วก็ต้องใช้จ่ายเยอะขึ้น ก็ต้อง ประคับประคองกันเดินไปสู่เป้าหมายที่อลลอฮ
ั