Page 209 - 001
P. 209
198
พระสถูปหมายเลข 1 ได้รับการต่อเติมขึ้นในสมัยราชวงศ์ศุงคะและอานธระ โดย
แกนในองค์พระสถูปแต่เดิมที่สร้างขึ้นด้วยอิฐถูกคลุมทับด้วยแผ่นหินสี่เหลี่ยม ขยายองค์พระ
สถูปขึ้นราวหนึ่งเท่าครอบพระสถูปองค์เดิม (ปัจจุบันจึงมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 120
ฟุต) มีการสร้างรั้วหินแทนที่รั้วไม้ล้อมรอบทางเดิน โดยให้หินสลักเลียนแบบโครงสร้างของไม้
เดิม โตรณะหรือประตูทางเข้า 4 ด้าน 4 ทิศก็ทำด้วยหิน สร้างเลียนแบบเครื่องไม้
เช่นเดียวกัน ประกอบไปด้วยเสา 2 ต้นปักตั้งขึ้น และคานยาว 3 ชิ้นวางพาดยึดเสาทั้งสอง 3
ชั้น บริเวณเสาและคานมีการแกะสลักอย่างสวยงามเป็นประติมากรรมนูนต่ำและลอยตัว มี
ุ
ทั้งเรื่องราวในพทธประวัติ ลายพรรณพฤกษา สัญลักษณ์ เทพ เทพี ยักษา และยักษี
นอกจากสถูปแห่งสาญจีแล้ว ยังปรากฏสถูปที่สำคัญต่างๆทั่วภูมิภาคอินเดีย เช่น
14
สถูปแห่งภารหุต สถูปแห่งอมราวดี สถูปแห่งนาคารชุณโกณฑะ และสถูปแห่งตักษิลา เป็น
ี
ต้น ทั้งนี้ สถูปแห่งภารหุตได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว หลงเหลือเพยงส่วนประกอบของสถูป
เช่น รั้ว ประตู และเสา โดยรั้วจะประดับภาพสลักในวงกลมเป็นเรื่องราวชาดกหรือพทธ
ุ
ประวัติ แต่ยังคงใช้สัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์อยู่
ั
ส่วนสถูปแห่งอมราวดี ซึ่งอยู่บริเวณทางตอนใต้ของอินเดีย ก็พงทลายไปเหลือแต่
ี
เพยงส่วนฐาน แต่ยังสามารถศึกษาลักษณะและรายละเอียดของสถูปได้จากร่องรอยที่ยัง
หลงเหลือและแผ่นหินสลักที่ปรากฏเป็นภาพประติมากรรมนูนต่ำ ซึ่งพบว่าสถูปแห่งอมราวดี
มีองค์ระฆังและฐานที่สูงกว่าสถูปแห่งสาญจี ตลอดจนมีลวดลายประดับมากขึ้น องค์ระฆังมี
มุขยื่นออกมาและประกอบด้วยเสา 5 ต้น รู้จักกันในนามว่าเสาอายกะ (Ayaka) ลักษณะเด่น
อีกประการหนึ่งของสถูปแห่งอมราวดี คือ การประดับภาพสลักลงบนองค์ระฆัง ส่วนใหญ่เป็น
ุ
ุ
เรื่องราวในพทธประวัติ และลวดลายประดับอื่นๆ ภาพสลักเล่าเรื่องพทธประวัติมีทั้งที่ใช้
15
ุ
ุ
สัญลักษณ์แทนองค์พระพทธเจ้า และที่ปรากฏเป็นองค์พระพทธรูปแล้ว คาดว่าสถูปแห่ง
ุ
อมราวดีได้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกในพทธศตวรรษที่ 3 และได้รับการต่อเติม
เรื่อยมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 9-11
ในขณะที่สถูปทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือพบในแถบคันธาระและทางตอนเหนือของ
อัฟกานิสถาน แหล่งที่สำคัญได้แก่ที่ตัก-ไบ (Takht-i-bhai) และกุลทะระ (Guldara) ส่วน
สถูปสำคัญที่เมืองตักษิลาคือ สถูปธรรมราชิก (Dharmarajika) ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะสร้าง
ขึ้นในสมัยราชวงศ์โมริยะ สถูปแห่งนี้มีการต่อเติมในหลายช่วงระยะเวลา เช่น มีการสร้างชั้น
บันไดเพิ่มขึ้นทั้ง 4 ทิศในราวพทธศตวรรษที่ 8 เป็นต้น สถูปที่น่าสนใจอีกที่หนึ่งได้แก่ สถูป
ุ
กุลทะระ เนื่องจากองค์ระฆังยืดตัวสูงแตกต่างจากสถูปในภาคกลางของอินเดียอย่างชัดเจน
16
14 ตั้งอยู่ห่างจากเมืองอัลลาหาบัดไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร
15 จิรัสสา คชาชีวะ. โบราณคดีอินเดีย, หน้า 360.
16 Upinder Singh. A History of Ancient and Early Medieval India from the Stone Age to the 12th Century,
p. 449.