Page 161 - 006
P. 161

150


                   การปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยมีข้าหลวงระดับสูงคอยให้คำปรึกษาและบริหาร

                   ราชการแผ่นดิน จุดเด่นของราชวงศ์โจฬะคือ การตั้งยุวราชา (Yuvaraja) หรือผู้สืบราชสันตติ
                   วงศ์ให้ช่วยงานราชการในระหว่างที่กษัตริย์ยังไม่สิ้นพระชนม์ ซึ่งตามปกติแล้วผู้สืบราชสันตติ
                   วงศ์ดังกล่าวมักจะเป็นพระโอรสองค์โต แต่หากพระโอรสองค์ดังกล่าวไม่สามารถเป็นผู้สืบทอดได้

                   ก็มักจะมีการคัดเลือกกันในบรรดาพระโอรสองค์อื่นๆ หรือแม้แต่พระเชษฐาและพระอนุชาของ
                   กษัตริย์เองก็ได้รับการคัดเลือกด้วย ดังนั้น ด้วยวิธีปฏิบัติเช่นนี้จึงทำให้ไม่เกิดสงครามเพื่อแย่งชิง

                   ราชบัลลังก์ในราชวงศ์โจฬะเลย
                          กองทัพของโจฬะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับการกล่าวถึงกันมาก เป็นไปได้ว่ากองทัพจะ
                   ประกอบไปด้วยทหารกว่า 150,000 คน ช้างศึกอีกกว่า 60,000 เชือก มีทั้งทหารราบ ทหารเรือ

                   และทหารม้า โดยได้มีการนำเข้าม้าที่ดีที่สุดจากตะวันออกกลาง กองทัพเรือเป็นอีกหน่วยงาน
                                                                                  ื่
                   หนึ่งที่มีชื่อเสียง เนื่องจากสามารถยกทัพไปโจมตีลังกาและศรีวิชัยเพอปกป้องผลประโยชน์
                                                                                    ื่
                   การค้าทางทะเลไว้ได้ ในยามสงบทหารเหล่านี้จะอาศัยอยู่ในค่ายทหารเพอฝึกซ้อมและเตรียม
                   ความพร้อม กษัตริย์จะมีองครักษ์ส่วนพระองค์เพื่อป้องกันการลอบทำร้าย อย่างไรก็ดี ในการทำ
                   สงครามกองทัพของโจฬะกลับมีชื่อเสียงในทางเลวร้าย เนื่องจากกษัตริย์ไม่มีธรรมยุทธ

                   (Dharma Yudha) หรือศีลธรรมแห่งการรบ เพราะเกิดการฆ่าฟันพลเรือนรวมถึงผู้หญิง ซึ่งเป็น
                   สิ่งที่ไม่ควรทำแม้จะอยู่ในภาวะสงครามก็ตาม

                          ในส่วนของรายได้ของรัฐนั้นได้มาจากภาษีที่ดิน โดยรัฐจะเรียกเก็บทั้งเงินสดและผลิตผล
                   ทางการเกษตร นอกจากภาษีที่ดินแล้ว ภาษีการค้า ป่าไม้ การทำเหมืองแร่ และเกลือ ก็เป็น
                   รายได้ของรัฐอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ แม้รัฐจะมีความเข้มงวดในการเก็บภาษีที่ดิน แต่ก็มีความ

                                ั
                   พยายามที่จะพฒนาระบบชลประทาน เห็นได้ชัดเจนว่ารัฐมีการสร้างเขื่อนหลายแห่งในแม่น้ำ
                   กาเวริ (Kaveri) และมักจะทำทะเลสาบเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตรอีกด้วย

                          2)  การให้ท้องถิ่นปกครองตนเอง รูปแบบการบริหารบ้านเมืองที่โดดเด่นอย่างหนึ่ง
                   ของโจฬะคือ การที่ให้ท้องถิ่นมีคณะปกครองเป็นของตนเอง ซึ่งไม่เคยมีราชวงศ์ใดในอินเดียทั้ง
                   เหนือหรือใต้จะมีการจัดการในลักษณะนี้ โดยเริ่มตั้งแต่ระดับหมู่บ้านซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดใน

                   การปกครอง ก็จะมีมหาสภา (Mahasabha) ของแต่ละหมู่บ้านที่แสดงบทบาทการบริหาร
                   จัดการอยู่ ในระดับหน่วยปกครองที่สูงขึ้นไปได้แก่ กุรรัม (Kurrams) หรือโกตตัม (Kottams)

                   นะฑุ (Nadus) และมณฑล (Mandals) ต่างก็มีมหาสภาคอยช่วยงานบริหารบ้านเมืองของตัวเอง
                   อยู่ทั้งสิ้น
                          ทั้งนี้ การตั้งมหาสภาในระดับหมู่บ้าน จะเริ่มจากการแบ่งหมู่บ้านเป็น 30 เขต แต่ละ

                   เขตจะเสนอชื่อผู้ที่มีความสามารถและมีความรู้เกี่ยวกับพระเวท โดยจะต้องมีคุณสมบัติเป็น
                   เจ้าของที่ดินอย่างน้อย 1 เอเคอร์ (Acre) หรือสร้างบ้านที่ปลูกอยู่บนที่ดินของตนเอง อายุ 35-

                   70 ปีและไม่เคยทำผิดหรือได้รับโทษในคดีใดๆ นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจะต้องไม่อยู่ใน
                   คณะกรรมการใดๆ อย่างน้อยเป็นเวลา 3 ปี และหากเคยได้รับการเสนอชื่อแล้วแต่ไม่ได้รับการ
                   รับเลือกก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับการเสนออีกเช่นกัน ขั้นตอนต่อมา ชื่อของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจะถูก

                   จารลงบนใบปาล์มแล้วใส่ไว้ในหม้อ เด็กชายที่ได้รับการคัดเลือกจะหยิบรายชื่อขึ้นมา 1 ชื่อ ถือ
   156   157   158   159   160   161   162   163   164   165   166