Page 365 - 024
P. 365
365
สัมมนาที่อนุญาตให้พาครอบครวไปได้เขาก็จะ ค าถามแล้วว่า “ท าไมเสารอาทิตย์ อาบีอยู่บ้าน
์
ั
พาไปด้วยตลอด แต่เวลาไปเราก็อยู่แต่ส่วนของ นู้นทั้งสองวันเลย ท าไมไม่อยู่บ้านนี้หนึ่งวัน
เรา คืออยู่ในห้องพัก ไม่ได้ปยุ่งเกี่ยวกับงานของ บ้านนู้นหนึ่งวันน่ะ”
เขา แต่ก็มีบางคนที่มองไม่ดี ก็เอาไปพูดว่า ผู้วิจัย : ตัวแค่นั้นเริ่มถามอย่างนี้แล้วน่ะค่ะ
ั
ท าไมชอบพาครอบครวไป สามีก๊ะเขามองว่า ผู้ให้สัมภาษณ์ : เขาคงคิดแบบเด็กๆ พอโตขึ้นก็
เขาไม่ค่อยมีเวลาให้กับครอบครว ถ้าพาไปได้ เรมสังเกตบ้าง ลูกมีตั้งค าถามบ้าง เพราะ
ั
ิ่
เขาก็อยากจะพาไป จะได้เป็นกิจกรรม เปรยบเทียบกับพ่อของเพื่อน เราก็ต้องอธิบาย
ี
ครอบครวไปด้วย และอกเหตุผลคือ เขามี เหตุผลให้ลูกฟัง ว่าท าไม อย่าให้เขาคิดไปเอง ก็
ี
ั
ปัญหาสุขภาพอยู่ด้วย บางทีก็มึนหัววูบไปโดย ต้องอธิบายให้ลูกเข้าใจว่า “ครอบครวเราเป็น
ั
ู้
ไม่รตัว ถ้าเราเดินทางไปด้วยอย่างน้อยก็จะได้ ครอบครัวใหญ่ อาบีต้องไปอยู่บ้านนู้นหลายวัน
ช่วยบีบช่วยนวดนวด ตอนกลับมาที่พัก ก็จะ กว่าเพราะเสาร์อาทิตย์อาบีมีงานที่นู้นด้วย” บาง
ช่วยดูแลเขาในส่วนนั้นด้วย ทีเด็กๆ เขาคุยเรองนี้กันเองด้วยน่ะ เขาจะสนิท
ื่
ผู้วิจัย : เวลาพาไปด้วย นี้สลับกันหรอว่า กับลูกของเพื่อนบ้านอกคน ที่สามีมีสองบ้าน
ื
ี
ก าหนดไว้ยังไงค่ะ เหมือนกัน เขาก็จะถามกันว่า “อาบีเธอไม่อยู่
ื
ผู้ใหสัมภาษณ์ : ก็จะสลับกัน สมมุติว่ารอบนี้ หรอ อาบีเราก็ไม่อยู่เหมือนกัน..” นี้คืออนุบาล
้
ุ
พาก๊ะคนที่หนึ่งไปงานที่กรงเทพฯ พอรอบบ ทั้งคู่เลยน่ะ สนทนากันอย่างนี้เขาก็จะเข้าใจกัน
หน้าก็พาคนที่สองไปต่อ จะสลับกันอย่างนั้น เลยไม่ท าให้รสึกว่าขาด เพราะพ่อเพื่อนก็ไม่อยู่
ู้
แต่ว่าถ้าแค่ไปใกล้ๆ แค่เขตภาคใต้ เช่น เหมือนกัน เหมือนเขาจะเข้าใจว่าพ่อของเรา
หาดใหญ สงขลา อย่างนี้ตรงกับวันเวรของใคร ต้องสลับกันไปมาสองบ้าน เด็กๆ เขาก็มองว่า
่
ก็คนนั้นไป อย่างวันพุธนี้มีประชุมที่หาดใหญ ่ เป็นเรื่องปกติน่ะ เขาเข้าใจและก็รับได้
่
ตรงกับวันของก๊ะพอดี ก็จะพาก๊ะไป เดือนหน้า ผู้วิจัย : ถ้าผู้ใหญไม่ไปให้สิ่งที่ไม่ดีต่อความคิด
มีสัมมนาที่สตูลก็พาก๊ะคนที่หนึ่งไป สลับกัน เด็ก เด็กๆ เขาก็ไม่มีอะไรหรอกน่ะค่ะ
ตรงวันของใครก็พาคนนั้นไป ผู้ใหสัมภาษณ์ : ใช่ค่ะ เราเองก็ไม่ได้ปลูกฝั่งให้
้
ผู้วิจัย : สามีได้มีส่วนรวมในการอบรมลูกยังไง ลูกต้องไปเกลียดชังบ้านนู้น เราก็สอนให้เขาคิด
่
บ้างค่ะ เหมือนเป็นพี่น้องกันในไส้ ค าพูดหยาบเราก็ไม่
้
ั
ู้
ผู้ใหสัมภาษณ์ : ช่วงที่เขาอยู่บ้าน เขาก็จะใช้ เคยพูด อยากให้ลูกรบรแต่สิ่งดีๆ ก็พอ เราเป็น
ั
ี
ื่
พยายามเวลากับลูกให้มาก ถามไถ่เรองเรยน คนที่สองเราท าใจและก็ศึกษามาก่อน จึงรบได้
สอนการบ้านบ้าง ลูกๆ ก็จะไปหาเขาโดย แต่คนที่หนึ่งเรื่องความรู้สึกเขาจะเยอะกว่าเรา
ั
อตโนมัติเพราะลูกจะบอกว่า “อมมีดุ อาบีใจดี” ผู้วิจัย : จนถึงตอนนี้ผ่านมาแล้ว 7 ปีก๊ะคนที่
ุ
ยิ่งคนเล็กจะติดพ่อเขามาก ได้ยินเสียงรถก็จะวิ่ง หนึ่งเขาก็ยังท าใจไม่ได้หรือค่ะ
ไปรอที่ประตูแล้ว บางทีลูกคงคิดถึงน่ะ ตอนนี้ ผู้ให้สัมภาษณ์ : ก๊ะก็ไม่ทราบเหมือนกัน
ิ่
ิ่
ลูกคนโตอยู่อนุบาลก็เรมบ่นเป็นแล้ว เรมตั้ง